วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

แนะนำเมนูเด็ดกันจ้า


1. รับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้ำหนักตัวให้เป็นปกติ
2. รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าวควรรับประทานเป็นข้าวกล้อง หรือข้าวซ้อมมือ
3. รับประทานพืชผักผลไม้เป็นประจำ
4. รับประทานปลาและเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
5. รับประทานที่มีไขมันแต่พอควร
6. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีรสหวานจัดและเค็มจัด
7. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารถนอม เช่น อาหารหมักดองอาหารกระป๋อง
8. งดหรือลดเครื่องดื่มที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เมนูเด็ดมาทางนี้

ข้าวยำเป็นอาหารของชาวใต้ รสชาติจะอร่อยมากน้อยขึ้นอยู่กับน้ำบูดู

เครื่องปรุงประกอบด้วย
ข้าวสวย 1 - 2 ถ้วย (150 กรัม)
กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
มะพร้าวหั่นฝอย คั่วจนเหลืองกรอบ 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
พริกขี้หนูคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)

ผัก
ถั่วงอกเด็ดหาง 1/3 ส่วน (25 กรัม)
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
ใบมะกรูดอ่อนหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
มะม่วงดิบหั่นเส้นเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
ถั่วฝักยาวหั่นฝอย 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
มะนาว1-2 ลูก(50 กรัม)

เครื่องปรุงน้ำบูดู
น้ำบูดู 3 ช้อนโต๊ะ (45 กรัม)
น้ำ 1 ถ้วยครึ่ง (300 กรัม)
ปลาอินทรีย์เค็ม 1 ชิ้น (10 กรัม)
น้ำตาลปีบ 1 ถ้วย (10 กรัม)
หอมแดงทุบพอแหลก 5 หัว (25 กรัม)
ตะไคร้หั่นท่อนสั้น 2 ต้น (40 กรัม)
ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ (10 กรัม)
ข่ายาว 1 นิ้วทุบพอแตก1 ชิ้น (20 กรัม)

วิธีทำ
1. ทำน้ำบูดูโดยการต้มปลาอินทรีย์จนเปื่อย แกะเอาแต่เนื้อใส่
2. ใส่หอม ตะไคร้ ข่า ใบมะกรูดฉีก น้ำตาลปีบ ต้มต่อจนน้ำบูดูข้น ชิมให้มีรสเค็มหวาน ยกลง
3. จัดเสิร์ฟโดย ตักข้าวใส่จาน ใส่มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้งป่น และผักทั้งหมดอยางละน้อย คลุกให้เข้ากัน ราดน้ำบูดู ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ชิมรสตามชอบ

คุณค่าทางยาสมุนไพรในเครื่องปรุง
1. ตะไคร้ แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ ขับลม บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร
2. ข่า รสเผ็ดปร่า ช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดเฟ้อ
3. ใบมะกรูด รสปร่า กลิ่นหอม ช่วยแต่งกลิ่น ดับกลิ่นคาว
4. พริก รสเผ็ด ช่วยขับลม ช่วยย่อย เจริญอาหาร
5. มะนาว รสเปรี้ยว ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการไอ
6. ถั่วฝักยาว รสหวานมัน บำรุงธาตุดิน
7. มะม่วงดิบ รสเปรี้ยว ขับเสมหะ ช่วยระบายท้อง
8. มะพร้าวคั่ว รสหวานมัน ช่วยบำรุงธาตุดิน บำรุงเส้นเอ็น
9. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้ไข้หวัด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ

คุณค่าทางโภชนาการ
ข้าวยำ 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่างกาย 1,141 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยน้ำ 589.7 กรัม โปรตีน 31.1 กรัม ไขมัน 18.0 กรัม คาร์โบไฮเดรต 217.3 กรัม กาก 11.8 กรัม ใยอาหาร 1.8 กรัม แคลเซียม 191.9 มิลิกรัม ฟอสฟอรัส 363 มิลลิกรัม เหล็ก 200 มิลลิกรัม เรตินอล 13.2 ไมโครกรัม เบต้าแคโรทีน 65.8 ไมโครกรัม วิตามินเอ 6772.4 IU วิตามินบีหนึ่ง 825.18 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.61 มิลลิกรัม ไนอาชิน 7.77 มิลลิกรัม วิตามินซี 68.80 มิลลิกรัม


เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับทุกภาค


เครื่องปรุง
ปลาช่อน 1 ตัว (300 กรัม)
น้ำ 3 ถ้วย (750 กรัม)
แตงโมอ่อน 1 ลูก (100 กรัม)
ผักบุ้งไทยหั่นพองาม 10 ยอด (100 กรัม)
ถั่วฝักยาวหั่นพองาม 1 ถ้วย (100 กรัม)
ดอกแค 1 ถ้วย (100 กรัม)
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
น้ำส้มมะขาม 1-2 ช่อนโต๊ะ (30 กรัม)

น้ำพริกแกงส้ม
พริกแห้งผ่าเอาเมล็ดออกแช่น้ำ 5 เม็ด (15 กรัม)
หอมแดง 7 หัว (35 กรัม)
กระเทียม 1 หัว (20 กรัม)
กระชาย 1 ช้อนชา (10 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนชา (5 กรัม)
เกลือ 1/2 ช้อนชา (5 กรัม)
โขลกเครื่องแกงให้ละเอียด

วิธีทำ
1. ขอดเกล็ดปลา ควักไส้ออกล้างปลาด้วยน้ำเกลือให้หมดเมือก ตัดท่อนหางยาวประมาณ 3 นิ้ว ที่เหลือตัดเป็นแว่นขนาด 1/2 นิ้ว
2. ต้มน้ำ 3 ถ้วยให้เดือดใส่ปลาท่อนหางต้มให้สุก ตักขึ้น แกะเอาแต่เนื้อปลา โขลกกับเครื่องแกงให้เข้ากัน
3.ละลายน้ำพริกลงในหม้อต้มปลา ตั้งไฟให้เดือดใส่แตงโมอ่อน ผักบุ้ง พอเดือดสักครู่ใส่ถั่วฝักยาว ใส่ดอกแค ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมให้ออกรสเปรี้ยวเล็กน้อย พอน้ำเดือด อีกครั้งใส่ปลา พอสุก ยกลงเสิร์ฟ (รับประทานได้ 5-6 คน)

คุณค่าทางยาสมุนไพรในเครื่องปรุง
1. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไข้ ขับเสมหะ ช่วยยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย ลดระดับไขมันในเลือด
2. กระชาย รสเผ็ดร้อน บำรุงธาตุ ขับลม ช่วยเจริญอาหารแก้ท้องอืดเฟ้อ
3. ดอกแค รสขม แก้ไขหัวลม ช่วยเจริญอาหาร
4. มะขามเปียก รสเปรี้ยว ขับเสมหะ แก้ไอ ช่วยระบาย แก้ท้องผูก
5. ผักบุ้ง รสเย็นจืด บำรุงธาตุไฟ ถอนพิษเบื่อเมา ทำให้อาเจียนเนื่องจากพิษของฝิ่น และสารหนู
6. แตงโมอ่อน รสเย็นจืด แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้ไข้หวัด บำรุงธาตุ ขับลม

คุณค่าทางโภชนาการ
สำหรับ 1 คน
พลังงาน 102.40 กิโลแคลอรี โปรตีน 12.60 กรัม ไขมัน 2.35 กรัม คาร์โบไฮเดรต 7.97 กรัม แคลเซียม 41.85 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 161.35 มิลลิกรัม วิตามิน เอ 75.29 อาร์อี ธาตุเหล็ก 4.77 มิลลิกรัม ในอาหาร 0.9 กรัม (สูตรตำรับจากหนังสือภูมิปัญญาไทย อาหารไทยอาหารสุขภาพ)



แกงแคไก่เป็นอาหารพื้นบ้านภาคเหนือ ประมาณ 7 - 8 คน

เครื่องปรุง

ไก่เอาหนังออกหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ 1/2 ถ้วย (100 กรัม) ผักเผ็ดหรือผักคราดเด็ดสั้น ๆ 2 ถ้วย (100 กรัม)
ชะอมเด็กสั้น 1 ถ้วย (100 กรัม)
ตำลึงเด็ดเป็นใบ 1 ถ้วย (100 กรัม)
ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
ใบชะพลู (ผักแค) หั่นหยาบ 1 ถ้วย (100 กรัม)
กะเพราเด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
ผักขี้หูดเด็ดเฉพาะส่วนที่กินได้ 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
มะเขือพวงผ่าครึ่ง 1-2 ถ้วย (100 กรัม)
มะเขือเปราะผ่าครึ่ง 5 ลูก (50 กรัม)
บวบ 2 ลูก (200 กรัม)
ถั่วฝักยาวหั่นสั้น 5 ฝัก (100 กรัม)
หน่อไม่หั่นพอคำ 1/2 ถ้วย (50 กรัม)
น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)
น้ำ 4 ถ้วย (1000 กรัม)

เครื่องแกง
พริกแห้ง 8 เม็ด (30 กรัม)
กระเทียม 1-2 หัว (30 กรัม)
ปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
ตะไคร้ 1 ต้น (15 กรัม)
หอมแดง 4 หัว (30 กรัม)
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)
เกลือป่น 1 ช้อนชา (5 กรัม)

วิธีทำ
1. โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างบวบและปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นพอคำ
3. กระทะตั้งไฟให้ร้อน ใส่ไก่เพื่อรวนให้สุกและหอม ตักขึ้นพักไว้
4. ใส่น้ำมันลงในตั้งไฟให้ร้อน ใส่เครื่องแกงที่เตรียมไว้ผัดให้หอม ใส่ไก่ ใส่หน่อไม้ ผัดให้เข้ากัน
5. ใส่น้ำลงในหม้อ ตักเครื่องแกงที่ผัดไว้ลงไป และตั้งไฟให้เดือด ใส่ผัก ถั่วฝักยาว มะเขือพวง

และผักที่เตรียมไว้ในเครื่องปรุง ปรุงรสตามชอบ คนให้เข้ากัน พอสุกแล้วยกลงเสิร์ฟ

คุณค่าทางยาสมุนไพรในเครื่องปรุง
1. ชะอม รากมีสรรพคุณแก้ท้องอืดเฟ้อ ขับลมในลำไส้ ยอดชะอมช่วยลดความร้อนในร่างกาย
2. ใบชะพลู รสเผ็ด แก้ธาตุพิการ ขับลม
3. ผักขี้หูด รสเผ็ด ถ้าทำให้สุกมีรสหวานมัน บำรุงธาตุดิน ช่วยเจริญอาหาร
4. ตำลึง รสเย็ดจืด แก้ไข้ ดับพิษร้อน ใบสดตำคั้นน้ำแก้พิษแมลงกัดต่อย แก้ปวดแสบปวดร้อน
5. บวบ รสเย็นจืด บำรุงธาตุไฟ แก้ไข้ บำรุงร่างกาย มีธาตุแคลเซียม เหล็ก และฟอสฟอรัส
6. มะเขือพวง รสขม แก้ไข้ บำรุงธาตุ ช่วยเจริญอาหาร กระตุ้นการทำงานของลำไส้
7. หน่อไม้ รสขมหวานร้อน รากขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ใบ ขับฟอกล้างโลหิต ระดูที่เสีย
8. กะเพรา รสเผ็ดร้อน บำรุงธาตุ ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ
9. ผักชีฝรั่ง รสเผ็ดร้อน ขับลมช่วยแก้อาการท้องอืดเฟ้อ ช่วยเจริญอาหาร
10. ถั่วฝักยาว รสหวานมัน บำรุงธาตุดิน
11. มะเขือเปราะ รสขมเล็กน้อย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยเจริญอาหาร

คุณค่าทางโภชนาการ
สำหรับ 1 คน
พลังงาน 127.5 กิโลแคลอรี โปรตีน 7.95 กรัม ไขมัน 6.52 กรัม คาร์โบไฮเดรต 9.11 กรัม แคลเซียม 150.1 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 129.27 มิลลิกรัม วิตามินเอ 315.69 อาร์อี ธาตุเหล็ก 4.06 มิลลิกรัม ใยอาหาร 3.7 กรัม

หมายเหตุ บล็อกโดนลบ

ขอยกตัวอย่างอาหารไทยที่สะท้อนให้คุณค่าทางโภชนาการ ยาสมุนไพร และทางภูมิปัญญา



ขอยกตัวอย่างอาหารไทยที่สะท้อนให้คุณค่าทางโภชนาการ ยาสมุนไพร และทางภูมิปัญญา ก็เช่น แกงส้ม ดอกแคมีคุณค่าทางอาหาร คือให้พลังงานและไขมันต่ำ ในด้านยาและสมุนไพรไพรคือ แก้ไขหัวลม ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ด้านภูมิปัญญานั้นช่วยส่งเสริมสุขภาพ และขจัดกลิ่นคาวปลาได้โดยใส่ปลาขณะที่น้ำเดือด

แกงเลียง อาหารที่ให้แร่ธาตุจำพวกแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และให้วิตามินเอสูงมาก เหมาะสำหรับกินแก้ ไข้หวัด ช่วยให้แม่ลูกอ่อนมีน้ำนมมาก เหมาะสำหรับทุกวัยโดยเฉพาะหญิงมีครรภ์และแม่ลูกอ่อน เป็นอาหารบำรุง ร่างกาย บำรุงเลือด บำรุงกระดูก และบำรุงตา ราคาถูก ปลอดภัยจากสารพิษ เพราะปรุงจากผักพื้นบ้านเป็นหลัก

ต้มยำ เป็นอาหารที่ให้พลังงานพอเหมาะ ให้โปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ มีเครื่องปรุงสมุนไพรนานาชนิด ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร แก้หวัด ควบคุมกำหนัด และลดความดันโลหิตสูง นอกจากจะมีรสอร่อยเป็นตำรับอาหารสากลที่รู้จักกัน ไปทั่วโลกแล้ว นับเป็นศิลปะการปรุงรส ชั้นเยี่ยมที่ผสมผสานเครื่องเทศพื้นบ้าน และสมุนไพรในครัวเรือน กับอาหาร โปรตีนจากปลา กุ้ง จนได้รสชาติที่กลมกล่อมช่วยเจริญอาหารโดยไม่ต้องกลัวท้องอืดท้องเฟ้อ

สะเดาน้ำปลาหวาน เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างมาก ให้โปรตีนพอใช้ แต่ให้ไขมันต่ำ ให้คุณค่าอาหารสูงมาก ทั้งแร่ธาตุ แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 และ วิตามินซี ช่วยแก้ไข้หัวลม ให้คุณค่าอาหารสูงมาก ทั้งแร่ธาตุ แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี 1 และวิตามินซี ช่วยแก้ไข้หัวลม บรรเทาความร้อน ช่วยปรับธาตุให้สมดุล ช่วยป้องกันมะเร็ง เป็น อาหารจานประวัติศาสตร์ ที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่สามารถทำให้สะเดาซึ่งมีรสขม กลายเป็นอาหารที่มีรสอร่อย ช่วยเจริญอาหารเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ปรุงยาให้เป็นอาหาร

ข้าวยำ เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างมากเช่นกัน ให้โปรตีนแต่ไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุ เหล็กสูงมาก และยังให้วิตามินเอ และวิตามินบี 1 สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นอาหารบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง และบำรุงเลือด ข้าวยำเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของชาวใต้ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือ น้ำบูดู ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการปรุงแต่งรสอาหารของชาวใต้โดยเฉพาะ เป็นการนำเอาพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็น เครื่องปรุงที่มีคุณค่าอาหารสูง เป็นความชาญฉลาดที่นำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงเป็นยาแต่อยู่ในรูปของอาหาร

ส่วนห่อหมกปลา เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แต่ให้โปรตีนและไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ ประกอบด้วยเครื่องปรุงสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยให้มีคุณค่าอาหารสูง สรรพคุณทางยาของห่อหมกปลา ส่วนใหญ่มาจาก เครื่องปรุงสมุนไพร เช่น กระชาย กระเทียม ใบยอ ข่า ตะไคร้ โหระพา พริก รากผักชี ทำให้เป็นอาหารที่บำรุงธาตุ บำรุง กระดูก เจริญอาหาร ขับลม ขับเหงื่อ แก้จุกเสียด ช่วยควบคุมความดันเลือด ทางด้านภูมิปัญญานั้นคือ เป็นการนำเอาเครื่อง ปรุงสมุนไพรหลากรส มารวมกับกะทิ และเนื้อปลากลายเป็นยาในรูปแบบของอาหารที่มีคุณค่าสูงและยังมีศิลปะในการนำ ใบตองมาห่อแทนการใช้ภาชนะ เพิ่มกลิ่นรสร่วมกับใบยออ่อนที่ใช้รอง เป็นการผสมผสานการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ โดยแท้

อาหารจานสุดท้ายที่อยากจะกล่าวถึง คือ แกงป่า เป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันต่ำ แต่ให้กากและใยอาหารสูงมาก ให้แร่ธาตุและวิตามินสูงเกือบทุกชนิด ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ขับลม แก้ท้องอืดเฟ้อ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ฆ่าพยาธิ และเชื้อแบคทีเรีย แกงป่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด โดยการนำผักพื้นบ้าน และสมุนไพรหลากหลายชนิดมาปรุงอย่างง่าย ๆ แต่ได้รสกลมกล่อม เป็นการปรุงยาให้อยู่ในรูปอาหารที่อร่อย

จะเห็นได้ว่าอาหารไทยมีคุณลักษณะพิเศษ อย่างน้อยสามารถจำแนกตามการใช้ประโยชน์ หรือตามคุณค่าได้ถึง 3 ด้าน คือ ด้านคุณค่าทางอาหารและโภชนาการ ด้านคุณค่าทางยาและสมุนไพร และด้านคุณค่าทางภูมิปัญญาและ ศิลปวัฒนธรรม ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารเลี้ยงประชากรโลกรายใหญ่ เป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจาก อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส อาหารไทยจึงควรมีบทบาทอย่างสูงในสังคมโลก ไม่เพียงแค่ขายอาหารในด้าน คุณค่าโภชนาการ แต่ควรนำจุดเด่นคุณค่าอีก 2 ด้านคือ ด้านคุณค่าทางยา และด้านภูมิปัญญามาเป็นจุดขายเพื่อเพิ่ม มูลค่าและความนิยมให้กับอาหารไทยมากขึ้น
หมายเหตุ บล็อกโดนลบ

มารู้จักเครื่องปรุงที่เป็นสรรพคุณทางยาดีกว่า


อาหารไทยถือว่ามีลักษณะโดดเด่นเป็นพิเศษ เนื่องจากประเทศไทยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ มีอาหารตามธรรมชาติที่มี ลักษณะพิเศษตามภูมิอากาศและภูมิประเทศที่หลากหลายตลอดทั้งปี รวมทั้งคนไทยมีศิลปะอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว จึงแสดงออกซึ่งศิลปวิทยาของตนในรูปแบบการปรุงแต่งและการกินอาหารที่มีลักษณะเฉพาะ ตั้งแต่เรื่องการผสมกลม กลืนในการปรุงแต่งกลิ่น รส ให้กลมกล่อมอร่อยและรสจัดอย่างโดดเด่นเป็นพิเศษ ในเรื่องการจัดรูปแบบและแกะสลัก ตบแต่งสีสันสวยงามวิจิตรบรรจง ในเรื่องการผสมผสานทางคุณค่าอาหารและสรรพคุณทางยาเพื่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพ สูงสุดทั้งในแง่การป้องกัน การบำรุงและการรักษา ตลอดจนการใช้อาหารเป็นเครื่องแสดงความผูกพันในหมู่ญาติมิตร และเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคม รวมทั้งการใช้อาหารเป็นสื่อทางความเชื่อและพิธีกรรมต่าง ๆ

เครื่องปรุงอาหารไทยที่สะท้อนให้เห็นสรรพคุณทางยาและสมุนไพรที่เรากินกันบ่อย ก็เช่น

กะเพรา - ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ ขับลม ขับเสมหะ บำรุงธาตุ เพิ่มน้ำนมในหญิงหลังคลอด


กระชาย - ช่วยแก้บิด แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องร่วง แก้ไอ บำรุงหัวใจ

ข่า - ช่วยแก้ลมพิษ แก้บิด ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร แก้ปวดฟกช้ำ


กระเทียม - ช่วยแก้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ลดความดันโลหิตสูง ขับลม ขับเสมหะ แก้จุกเสียด ขับพยาธิเส้นด้าย

ตะไคร้ - ช่วยขับลม แก้ท้องอืด แน่นจุกเสียด ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว ลดความดันโลหิตสูง

ใบมะกรูด - ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด



หมายเหตุ บล็อกโดนลบ